รู้จัก "มิสยูนิเวิร์สเมียนมา" เปิดใจเหตุที่ ต้องปลอมตัวตั้งแต่สนามบิน วันนี้ไม่กล้ากลับบ้านเกิด
คอมเมนต์:
ประกาศอย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับนางงามจักรวาลปี 2020 หรือ มิสยูนิเวิร์สปีล่าสุด แต่วันนี้เราจะขอพูดถึงมิสเมียนมา สาวใจแกร่ง ที่ได้ออกมาเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยให้บ้านเกิดของตัวเอง
หนึ่งในสาวงามที่ได้รับการพูดถึงและหลายเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก สำหรับ ตูซาร์ หวิ่น วิน สาวงามจากเมียนมา ที่ได้เดินทางจากบ้านเกิดของตนเองสู่เวทีระดับโลก จนสามารถคว้ารางวัลชุดประจำชาติมาได้
Sponsored Ad
ย้อนกลับไปวันที่ประกวด เธอได้ใส่ชุดประจำชาติ พร้อมกับชูป้าย Pray for Myanmar เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนในโลกรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นที่บ้านเกิดของเธอ เธอจึงได้ออกมาเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย และสื่อข้อความไปถึงคนทั่วโลก
Sponsored Ad
บอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเธอต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายกว่าจะถึงจุดนี้ และยังมีสิ่งที่ต้องสูญเสียกับทางเลือกของเธอ นั่นคือ การมีหมายจับและกลับประเทศบ้านเกิดไม่ได้ เช่นเดียวกับนางงามเมียนมาคนอื่น ๆ ที่ออกมาสู้เพื่อประเทศตนเอง
เมื่อวานนี้ ทาง The New York Times ได้รายงาน ตูซาร์ หวิ่น วิน ต้องเผชิญกับความกดดัน ความเครียด และความหวาดกลัว จนถึงขั้นปลอมตัวที่สนามบิน ก่อนจะออกนอกประเทศ เพราะเชื่อว่าจะไม่ปลอดภัยต่อตนเองที่ออกมาทำหน้าที่เรียกร้องประชาธิปไตยผ่านเวทีประกวดนางงาม สุดท้ายหลังการประกวดจบลง เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เพราะกลับประเทศไม่ได้แล้ว
Sponsored Ad
เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่ยังเป็นเด็ก เธอเป็นคนที่ชอบดูการประกวดนางงามมาก และฝันว่าสักวันจะเป็นตัวแทนของประเทศไปยืนอยู่บนเวทีบ้าง เมื่อวันเวลาผ่านไป เธอก็สามารถคว้ามงกุฎและและตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สเมียนมามาครองได้สำเร็จ
Sponsored Ad
ในตอนแรก เธอแค่ต้องการใช้เวทีนี้ทำตามความฝันของตัวเอง และสุดท้ายเธอเลือกจะที่เปลี่ยนมาใช้เวทีนี้เพื่อ เรียกร้องความสนใจจากนานาชาติ สู่การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา และขอให้ทุกประเทศเข้าช่วยเหลือ
เธอได้บอกว่า “รัฐบาลใหม่ทำเหมือนกับประชาชนไม่ใช่มนุษย์ ทำความรุนแรงโดยปราศจากมนุษยธรรม ได้โปรดช่วยเราด้วย ที่นี่เราไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว” (บทสัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากเมียนมา)
Sponsored Ad
และล่าสุดมีรายงานว่า เธอตัดสินใจที่จะไปอาศัยอยู่กับเพื่อนชาวเมียนมา ที่เป็นนางแบบอยู่ในนิวยอร์ก และจะทำงานร่วมกับเธอสักระยะ จนกว่าสถานการณ์ในประเทศจะดีขึ้นนอกจากนี้ เธอก็ยังวางแผนที่จะเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนชาวเมียนมา เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยจากข้างนอกต่อไป
ที่มา : The New York Times