หมอญี่ปุ่นแนะนำ กินกระเทียม "ทุกวัน" ช่วยลดความดันได้ที่ถูกวิธีต้องทำยังไง ไปฟังหมอพูดเลย
คอมเมนต์:
ทุกวันนี้ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการป้องกันการเกิด โ ร ค หั ว ใ จ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลก ทั้งนี้ การใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรในรูปแบบอาหาร และยาสำหรับป้องกันการเกิดภาวะ โ ร ค ห ล อ ด เ ลื อ ด หั ว ใ จ เพราะในปัจจุบัน โ ร ค หั ว ใ จ เป็น ภั ย คุ ก ค า ม ต่อคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลก เป็นสาเหตุการ ต า ย ในลำดับต้นๆของประชากรในโลก
สมุนไพรใกล้ตัวที่หาได้ในครัวเรือน แต่สรรพคุณช่วย ล ด ไ ข มั น ใน เ ลื อ ด อีกทั้งยัง ลดความ เ สี่ ย ง ของการเกิด โ ร ค หั ว ใ จ ได้อีกด้วย นั่นคือ กระเทียม ซึ่งเป็นสมุนไพรกลิ่นหอมฉุน เนื่องจากกระเทียมมีเอนไซม์อัลลิเนส (allinase) การบด หั่น หรือการสับกระเทียมให้ทำปฏิริกิยากับอากาศก่อนรับประทาน เป็นการกระตุ้นให้เอนไซม์ในกระเทียมผลิตสารที่มีสรรพคุณ อ อ ก ฤ ท ธิ์ ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับ ไ ข มั น ที่ไม่ดีต่อร่างกาย ลดระดับ ไ ต ร ก ลี เ ซ อ ไ ร ด์ ใน เ ลื อ ด และลดความ เ สี่ ย ง ของการเป็น โ ร ค ห ล อ ด เ ลื อ ด หั ว ใ จ โดยผลการศึกษาวิจัยในคนที่มีระดับ ไ ข มั น ใน เ ลื อ ด สูง เมื่อให้รับประทานกระเทียมสดขนาด 5 กรัม หรือ 5-7 กลีบ วันละ 2 ครั้ง นาน 42 วัน พบว่าสามารถลดไขมันในเลือดได้ผลจริง
Sponsored Ad
และไม่นานมานี้ ทางเพจ JapanSalaryman #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม ได้โพสต์เรื่องราวและคำแนะนำจากคุณหมอชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับเรื่อง "กินกระเทียมทุกวัน แก้ปัญหาความดันโลหิตสูง โดยเป็นความรู้ทางการแพทย์ชุดใหม่จากญี่ปุ่น โดยเรื่องราวมีรายละเอียดดังนี้...
Sponsored Ad
นี่เป็นข้อมูลจากรายการ meii no the taikoban ครับ เป็นความรู้ใหม่อธิบายโดย ศาสตราจารย์ ดร. อะริกะ ท่านบอกว่า วัตถุดิบที่ช่วยแก้ปัญหาความดันโลหิตสูงได้ คือวัตถุดิบที่พวกเรามีปัญหาเรื่องกลิ่นของมัน (จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นกังวลมาก ในขณะที่คนไทยไม่ค่อยกังวลเลยครับเรื่องนี้)
วัตถุดิบที่ว่าก็คือ “กระเทียม” ครับ
Sponsored Ad
ท่านบอกว่า เมื่อหั่นหรือทุบกระเทียม จะเกิดสาร “อัลลิซิน” สารที่ให้กลิ่นเฉพาะตัวของกระเทียม จากนั้นเมื่อให้ความร้อนกับ “อัลลิซิน” จะเกิดการสร้าง Hydrogen Sulfide ในร่างกายครับ ซึ่งเจ้าตัวนี้คือพระเอกในเรื่องนี้เป็นสารช่วยลดความดันโลหิตให้เรา
Sponsored Ad
เพื่อให้เห็นภาพ เราตามมาดูกันต่อครับ เมื่อเราหั่นกระเทียม..
จะเกิดสาร “อัลลิซิน” กลมๆ หน้ามุ่ยๆ (มีกลิ่นเฉพาะตัวที่เราคุ้น
Sponsored Ad
เมื่อโดนความร้อนสารนี้จะเปลี่ยนไปเป็น ‘Diallyl Disulfide’ เจ้าตัวสีเหลืองอมยิ้มครับ
เมื่อทานกระเทียมที่ปรุงด้วยความร้อน เจ้าสาร Diallyl Disulfide(หน้าอมยิ้มสีเหลือง) จะไปอยู่ในหลอดเลือดของเรา เจอเม็ดเลือดแดง
Sponsored Ad
แล้วสร้าง Hydrogen Sulfide ขึ้นมา (เป็นก๊าซขาวๆ ในภาพ)
ซึ่งเจ้าตัวนี้แหละที่ทำหน้าที่ช่วยขยายหลอดเลือดเราให้กว้างขึ้น ทำให้คนความดันสูงกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ
Sponsored Ad
ท่านบอกว่า การทานเพื่อให้ได้ Hydrogen Sulfide ดูดซึมเข้าไปในร่างกายนั้นมีวัตถุดิบเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ กระเทียมครับ!
กระเทียมเท่านั้นที่จะช่วยขยายหลอดเลือด
ทางรายการอยากพิสูจน์ความรู้ใหม่ทางการแพทย์ดังกล่าว...
กินกระเทียมแล้วจะช่วยขยายหลอดเลือดและลดความดันได้หรือไม่!?จึงเชิญดาราญี่ปุ่นมาทดสอบครับ
ก่อนพิสูจน์เธอวัดความดันได้ 147 สูงกว่าเกณฑ์ปกติ (ที่ญี่ปุ่นเกณฑ์ปกติคือควรต่ำกว่า 135/85)
ตั้งแต่วันนี้ไปเธอจะกินกระเทียมติดต่อกัน 1 สัปดาห์
อาจจะไม่ได้เห็นเมนูของทุกวันแต่นี่คือตัวอย่างครับ
เมนูแรกมีเส้นโซบะ ถั่วเน่า กระเจี๊ยบ ไข่แดง
แล้วก็โรยกระเทียมทอดกรอบไว้ด้านบนเยอะๆ ครับ
เธอบอกว่า ก็ไม่ได้กลิ่นอันรุนแรงของกระเทียมเท่าไหร่นะ
เมนูวันที่ 2 ก็เป็นเบนโตะ (ข้าวกล่อง) ชุดใหญ่ ในนั้นมีปลาดิบอยู่ด้วย เธอเลยคีบกระเทียมมากินกับปลาดิบครับ ...
เธอบอกว่า รสชาติกระเทียมเข้ากับปลาดิบดีมากๆ ใช้แทนการจิ้มกับซอสโชยุได้เลยนะ
นอกจากนั้นก็เป็นเมนูแสนหลากหลายที่เอากระเทียมมาใช้ เช่น ทานกับเนื้อวัวบ้าง
เอามาราดซีฟู้ดสลัดบ้าง
เอามาราดเต้าหู้อะโวคาโดบ้าง
เอามาใส่ในซุปบ้าง
สำหรับคนไทยผมว่าพวกเราถนัดการใช้กระเทียมอยู่แล้ว
เพื่อนๆ ประยุกต์ใช้กับเมนูที่ชื่นชอบได้เลยนะครับ
1 สัปดาห์ผ่านไปมาวัดผลอีกทีปรากฏว่า...
จากที่เคยวัดได้ 147/110 ในสัปดาห์ก่อน เมื่อกินกระเทียมอย่างต่อเนื่อง คราวนี้วัดได้ 139/89 ครับอีดนิดเดียวก็จะเข้าเกณฑ์ปกติแล้ว
เธอบอกว่า กระเทียมนี่มันสุดยอดช่วยลดความดันได้จริงนะ ที่สำคัญกินกับเมนูปลาดิบ หรือเมนูเนื้อแล้วอร่อยมากๆด้วย
ทดสอบแค่คนเดียวอาจยังไม่มีน้ำหนัก รายการไปหาคนญี่ปุ่นที่กินกระเทียมเป็นประจำครับ ไปเจอร้าน Garlic X Garlic Kitchen ที่ Ningyocho ร้านนี้เป็นร้านพิเศษใช้กระเทียมเป็นวัตถุดิบหลัก
เช่น เมนูข้าวกระเทียม กระเทียมมาเป็นกลีบเลย
เราไปสัมภาษณ์เชฟประจำร้านคุณ Shibata เชพได้บอกว่า เขากินกระเทียมแทบทุกวัน (เชฟอายุ 40 เข้าไปแล้ว หน้ายังเด็กอยู่เลย)
จับวัดความดันทันทีครับ ปรากฏว่าวัดได้ 130/88 อยู่ในเกณฑ์ปกติ
อาจจะยังไม่น่าเชื่อเราเลยขอวัดทั้งเจ้าของร้าน และเชฟอีกท่านด้วย ปรากฏว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติทุกคนเลย (ไม่ให้เกิณ 135/85)
คนแรกอายุ 40 คนที่สองอายุ 49 และคนที่สามอายุ 53 ทุกคนอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ยังไม่พอนะ ทีนี้เราไปบุกบ้านเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมครับที่เมืองมิโตะจังหวัด Aomori กันครับ
คุณโยชิดะวัย 41 บอกว่า... เพราะว่าอยากให้ลูกทานกระเทียมเยอะๆ เลยทำทุกวันเลยค่ะ นั่นหมายความว่าบ้านนี้ต้องกินกระเทียมบ่อยครับ
บรรยากาศมื้อค่ำของบ้านนี้
มื้อเย็นวันนี้เอากระเทียมไปใส่ในฟอยล์ แล้วให้ความร้อนด้วยการย่างครับ กินคู่กับซอสหรือน้ำจิ้มที่เตรียมไว้
ทีมงานเลยจับวัดความดันกันครับ ปรากฎว่าบ้านนี้ความดันอยู่ในเกณฑ์ทุกคนเลย คือวัดได้ต่ำกว่า 135/85 และเป็นสิ่งที่ตามเกณฑ์ทุกประการ
.
แม้ว่าอายุจะเกือบ 70 ปีแล้ว แต่ความดันยังปกติและแข็งแรงกันทุกคนเลย (คนแรกอายุ 69, คนที่สองอายุ 68, คนที่สามอายุ 54)
ไปวัดความดันเกษตรกรปลูกกระเทียมอีกบ้านนึงครับ
บ้านนี้ก็ไม่ต่างกันครับ วัดความดันได้ 133/81 อยู่ในเกณฑ์ปกติ
เนื่องจาก บ้านนี้ชอบเอากระเทียมมาทำเป็นต้มนาเบะ (คล้ายสุกี้บ้านเรา) ครับ ใส่ผักใส่เนื้อเข้าไป และใส่กระเทียมเข้าไปแบบจัดเต็มครับ
จริงๆ แล้วเคล็ดลับการกินกระเทียมให้ได้ทุกวันอยู่ตรงนี้ครับ
ทางรายการแนะนำให้ทำเมนูอะไรบางอย่างที่ใช้กระเทียมเตรียมเอาไว้เลย เมนูนั้นก็คือ...กระเทียมสับในน้ำมันมะกอกครับ (วิธีการทำเดี๋ยวผมจะอธิบายต่อไป)
อันนี้ใช้ดีมากๆ ใช้ราดของทอด หรือใช้เป็นเครื่องปรุงรสอาหารได้แทบทุกชนิดเลย ทั้งต้มผัดแกงทอด จนกระทั่งของทานเล่น
แล้วการกินกระเทียมในน้ำมันมะกอกแบบนี้ดีอย่างไร ท่านศาสตราจารย์ ดร.อะริกะจะเล่าให้ฟังครับ
ท่านบอกว่ากระเทียมกับน้ำมันนั้นเข้ากันดีมากครับ
และน้ำมันก็ช่วยให้เราได้ Hydrogen Sulfide
แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วย ตัวนี้แหละที่จะช่วยลดความดันโลหิตให้เราได้อย่างแท้จริง ของแบบนี้ต้องพิสูจน์!
เรามาสำรวจเรื่องนี้กันครับมีอุปกรณ์แค่ไม่กี่อย่าง
กระเทียม น้ำมัน และน้ำอุ่น
สารแรกที่เตรียมด้านซ้ายคือเอาน้ำอุ่นมา
ใส่กระเทียมเข้าไปจากนั้นก็ต้มให้ความร้อนครับ
สารที่ 2 ที่เตรียมด้านขวา มีน้ำมัน + น้ำอุ่น และใส่กระเทียมเข้าไป แล้วก็ให้ความร้อนเช่นกันครับ
สารแรกที่เตรียมโดยมีแค่น้ำอุ่น และไม่มีน้ำมัน
ปรากฏว่าสารสำคัญที่ช่วยลด ค ว า ม ดั น โ ล หิ ต ระเหยออกไป
จาก 100% เหลือแค่ 34% เองครับ
เจ้าหน้ายิ้มสีเหลืองระเหยออกไปในอากาศ
ในขณะที่สารที่ใส่น้ำมันเข้าไปด้วยยังเหลือสารสำคัญตัวนี้ 100% ครบถ้วนเลยครับ
แบ่งเป็นสารสำคัญในน้ำอุ่น 26% และอยู่ในน้ำมันถึง 76%
หมายความว่า น้ำมันจะมีคุณสมบัติช่วยเคลือบ (เป็นฝาที่ปิด) ไม่ให้สารสำคัญระเหย
ซึ่งวิธีการเตรียมกระเทียมสับในน้ำมัน (ที่ทานได้เลย) ทำได้ดังนี้เลย
1. เตรียมกระเทียม 1 ลูก และน้ำมันมะกอก 50ml
2. สับกระเทียมให้ละเอียดแล้วจับใส่กระทะ
3. ใส่น้ำมันมะกอกลงไปให้ความร้อนประมาณ 2 นาที
4. ก็จะได้กระเทียมสับในน้ำมันมะกอกครับ ไม่ยากเลยใช่มั้ยครับ ทำใส่ขวดตุนไว้ก็ดีครับ
ทีนี้เรามาพิสูจน์กับอาสาสมัครคนนี้กันเลย
เธอเป็นแม่บ้านวัย 62 มีปัญหาเรื่องความดันสูงมากๆ ครับ
และวัดความดันของเธอได้ 178/114 สูงมากจริงๆ
ฉะนั้น เราจะให้เธอทานกระเทียมในน้ำมันมะกอก 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ดูซิว่าจะช่วยให้ความดันโลหิตลดลงได้มั้ย... เราลองไปดูกันเลยครับ
โดยใช้กระเทียมสับ แล้วเอามาเจียวในน้ำมันมะกอกเป็นวัตถุดิบหลักครับ
เธอปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาก ใช้กระเทียมในน้ำมันมะกอกแทบทุกเมนูครับ
อันนี้ราดลงบนถั่วเน่า
อันนี้ทานกับเนื้อ
กินขนมปัง ยังราดไว้ด้านบน
ทานไปเรื่อย ๆ ทานแบบมีวินัย
2 สัปดาห์ผ่านไปวัดอีกทีได้ 138/84 มาอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเลย
ไม่น่าเชื่อเลยว่ากระเทียมวัตถุดิบที่คนไทยเราคุ้นเคยนั้นมีประโยชน์มากถึงขนาดนี้ ช่วยขยายหลอดเลือดได้ ช่วยให้ความดันลดลงได้จริง แต่ที่สำคัญตามกระบวนการที่ศาสตราจารย์ดร.เล่าคือ ควรมีกระบวนการหั่น ควรมีกระบวนการให้ความร้อน เราจะได้ Hydrogen Sulfide มาเป็นตัวช่วยขยายหลอดเลือดครับ และที่สำคัญเจ้ากระเทียมสับเจียวในน้ำมันมะกอกนั้นก็ทำง่ายมากๆ เลย ทำตุนเก็บไว้ในขวด อยากกินเมื่อไหร่ก็ตักทานได้ทันที
สำหรับใครมีปัญหาความดันสูง ลองนำวิธีนี้ไปใช้ครับ 1-2 อาทิตย์ติดต่อกัน และขอให้ได้ผลกันถ้วนหน้าครับ และทางที่ดีต้องควบคุมอาหาร และหาตรวจตามที่คุณหมอได้นัดไว้ด้วยนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ จาก เพจ JapanSalaryman #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม