ลุงพลท้อ "ทำดีไร้ค่า" ขอย้ายพ้นหมู่บ้าน ปัญหาถาโถม หลั่งน้ำตาอยากบวชตลอดชีวิต

คอมเมนต์:

"ทำดีไม่ได้ดี แต่ตอนนี้คับที่อยู่ได้ แต่คับใจมันอยู่ยากจริง ๆ..." -ลุงพล-

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

    เชื่อว่าหลายคนคงได้ตามข่าวนี้กันมาบ้างแล้ว หลายคนคงรู้จักชื่อ "ลุงพล" ชายหนุ่มที่ต้องกลายเป็นเป้าสายตา แต่หลายคนเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำ แต่มาวันนี้ได้ให้สัมภาษณ์เชิงตัดพ้อกับชีวิต จากเหตุการณ์ที่ถาโถมเข้ามา...

    เมื่อวานนี้ นายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ กล่าวว่า ขณะนี้ตนไม่เครียดอะไร เขาสงสัยอะไรตนก็ทำให้หมดแล้ว ตนปลงมาตั้งแต่ที่โกนหัว ตอนนี้มั่นใจมากขึ้นว่าตัวเองบริสุทธิ์และจะไม่หนีไปไหน

 

Sponsored Ad

 

    จากที่ก่อนหน้านี้ เป็นห่วงเรื่องดีเอ็นเอในรถกระบะ และเอากระเป๋าที่ตนสะพายขึ้นเขาไป ทำให้ตนกังวล หากมีการนำดีเอ็นเอดังกล่าวมาเทียบเคียง มันต้องมีดีเอ็นเอตนแน่นอน เป็นใครก็ต้องตกใจ ทำให้ตนต้องระแวง

    ส่วนที่อยากบวชตลอดชีวิต ตนคิดว่าสังคมนี้ไม่หน้าอยู่ ซึ่งตนยังมีห่วง คือ ครอบครัว ตนเชื่อว่าพ่อคงไม่ห้าม หากตนจะย้ายหนีไปจากหมู่บ้านนี้ ตนทำเรื่องดี ๆ แต่ห่วงแค่ว่าลูกกับภรรยาจะอยู่อย่างไร ใครจะดูแล หากมีคนดูแลตนก็อยากบวชตลอดชีวิต เพราะคนเรา "ทำดีไม่ได้ดี ลิขิตชีวิตตนคงต้องไปทางนี้ (บวช)"

 

Sponsored Ad

 

    ส่วนที่พ่อแม่มาเมื่อวาน พ่อแม่อยากให้ตนกลับไปอยู่บ้านเกิด เพราะเห็นตนทำดีมาตลอด แต่กลับถูกมาสงสัย ไม่รู้ความดีที่ทำมันหายไปไหน ตนก็บอกว่ากลับยังไม่ได้ เพราะตนไม่ใช่คนหนีปัญหา หากตนยอมไปกับแม่ตั้งแต่เมื่อวาน ตนคงต้องถูกจับ เพราะตนไม่จัดการปัญหาให้เสร็จ ตำรวจคงมองว่าตนมีพิรุธ

    ตอนนี้มีแนวคิดว่าหากจบเรื่องนี้ ตนอาจจะย้ายไปอยู่ที่อื่น ซึ่งคุยกับป้าแต๋นแล้ว แต่ต้องให้ป้าแต๋นทำใจเสียก่อน เนื่องจากครอบครัวที่ป้าแต๋นรักอยู่ที่นี่ ตอนนี้ยัง 50:50 ที่ตนอยากย้าย เพราะตนทำดีไม่ได้ดี เปรียบเหมือน “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก”

 

Sponsored Ad

 

    ทีมข่าวเดินทางทดสอบในป่ายางตรงข้ามบ้านลุงพล ซึ่งลองทดสอบเดินจากป่ายาง ไปยังบ้านน้องชมพู่ ทีมข่าวถ่ายทำแบบ Long take ไม่มีการหยุดบันทึก และทีมข่าวใช้วิธีเดินตัดป่ามัน ของชาวบ้าน จนกระทั่งไปทะลุสวนมันของนางขวัญใจ จากนั้นเดินขึ้นมาที่เส้นทางจุดที่เจอรอยรองเท้าตามคำให้การของยายจำลอง

 

Sponsored Ad

 

    ระหว่างทางไม่พบอุปสรรคอะไร สามารถเดินได้ตามปกติ จากนั้นทีมข่าวก็เดินตามทาง จนกระทั่งไปทะลุที่ตรงข้ามบ้านน้องชมพู่ และออกไปที่หน้าบ้านน้าจุไรภรณ์ จุดสุดท้ายที่ชมพู่หายตัว ทั้งหมดใช้เวลา 6 นาที 43 วินาที ระยะทาง 350 เมตร

    ทีมข่าวยังทดสอบอุ้มกระสอบหนัก 12 กิโลกรัม หากอุ้มน้องชมพู่จากเส้นทางป่ายางพารา ไปทางสวนมันสำปะหลัง จากนั้นเดินเลาะมาทางบ้านลุงพล จะสามารถทำได้หรือไม่ ทีมข่าวเริ่มเดินจากหน้าบ้านน้าจุไรภรณ์ จากนั้นได้เดินเลาะป่ามันสำปะหลัง ซึ่งสภาพรกกว่าวันที่เกิดเหตุ และจะมีเสียงหมาเห่าจากบ้านพ่อแบม ไล่เห่าอยู่นาน จนพ่อแบมเดินออกมาดู

 

Sponsored Ad

 

    แต่หากเดินไปได้โดยไม่มีคนเห็นจริง ก็จะสามารถทะลุออกเส้นทางนี้ จนออกไปฝั่งตรงข้ามบ้านลุงพลได้ รวมใช้เวลา 8.48 นาที

    นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ทดสอบการขับรถมาจากบ้านลุงพล ด้วยความเร็วที่สามารทำได้สูงสุด ซึ่งช่วงถนนในหมู่บ้าน ขับมาได้ ราว 50 กม./ชม.

    จากนั้นเลี้ยวเข้าซุ้มวัด ก่อนจะขึ้นไปที่วัด เส้นทางเดียวกับไปกับลุงพล โดยเมื่อเข้ามาในวัด ใช้ความเร็วได้ราว 20 กม./ชม. เนื่องจากถนนเริ่มเป็นทางลูกรัง โดยใช้เวลารวม 4.34 น. ทีมข่าวไม่ได้จอดแวะทักทายคนตามที่ลุงให้การ

 

Sponsored Ad

 

    อย่างไรก็ตาม สมมติฐานนักข่าวอุ้มเด็ก สรุปได้ดังนี้ หากเดินตัวเปล่าจากบ้านนายไชย์พลไปที่บ้านน้องชมพู่ จะใช้เวลา 6.43 นาที และหากเดินแบกกระสอบ 12 กก. จะใช้เวลา 8.48 นาที และหากขับรถไปวัดภูผาแอก จะใช้เวลา 4.34 นาที รวมเวลา 20.05 นาที

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

ที่มา : รายการ ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34

บทความที่คุณอาจสนใจ