พ่อหม้ายวัย 53 ถูกสาวหลอกโอนเงิน 4 ล้าน ภายใน 2ปี แม้หน้าไม่เคยเจอ แต่ก็รักหมดหัวใจ

คอมเมนต์:

เปิดบ้าน "พ่อแม่น้องแจง" อยู่กันลำพังแค่ 2 คน ดูแลกันเอง ในสภาพบ้านเก่าที่ทรุดโทรม

    ชายใหญ่วัย 53 ปี โอนเงินกว่า 4 ล้านบาท ที่เป็นแฟนสาวที่คบหากันผ่านเฟซบุ๊ก โดยไม่เคยเจอหน้ากัน ก่อนจะรู้สึกว่าถูกหลอกให้โอนเงิน จึงนำเรื่องมาร้องเรียน

    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายเอก(นามสมมุติ)หนุ่มใหญ่วัย 53 ปีชาวสระบุรี เดินทางพร้อมน้องสาวและคุณแม่เข้าพบทนายความรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ จากกรณีที่ตนได้รู้จักกับหญิงสาวชาว จ.เชียงราย ทางเฟซบุ๊ค เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วและถูกให้โอนเงินกว่า 4 ล้านบาท

 

Sponsored Ad

 

    นายเอกเปิดใจเล่ากับทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ว่า จากที่ตนได้รู้จักกับน้องแจง นางสาว นิภาพร (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ผ่านทาง facebook และคุยมาตลอด 2 ปี ขณะนั้นตนทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ด้วยความที่ตนเป็นพ่อหม้าย ตามหารักแท้จึงตกลงคบหากับแจง โดยที่ฝ่ายน้องแจงได้มีการเขียนหนังสือสัญญาว่าจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันกับนายเอกฉันท์สามีภรรยา จึงทำให้นายเอกหลงรักและเชื่อใจน้องแจง อยากใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันรวมถึงอยากช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ

 

Sponsored Ad

 

    หลังจากที่เริ่มคบสักระยะก็มีเหตุการณ์ที่น้องแจงเอามากล่าวอ้าง ว่าพ่อจากไปขอค่างานไม่นานก็ส่งรูปงานแม่ให้นายเอกโอนค่าจัดงานให้อีก  จากนั้นน้องแจงก็อ้างอีกว่าจะเข้าทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งที่โดยจะต้องใช้เงินประกันการทำงาน หลังจากนั้นอีก 4-5 เดือนก็บอกจะมาทำงานที่สุวรรณภูมิ เพื่ออ้างขอเงินกับนายเอกอีก

    รวมทั้งยังอ้างถึงที่ดินจังหวัดเชียงรายติดธนาคาร ธกส.ขอเงินไถ่ถอนเพื่อเอาออกมาขายและจะใช้หนี้ให้ทั้งหมด แต่หลังจากโอนไปก็ยังอ้างต่อว่าติดปัญหาคนที่จะมาซื้อที่ดินผืนดังกล่าวไม่พอใจทางเข้าที่คับแคบถ้านายเอกโอนเงินจำนวน 1 ล้าน 3 แสนบาท ซื้อที่ข้างเคียงเพื่อเป็นทางเข้าจะสามารถขายได้และเอาเงินมาใช้หนี้นายเอก จึงหลงเชื่อและโอนให้เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563

 

Sponsored Ad

 

    ยังมีประเด็นที่น้องแจงบอกว่าโดนคดียักยอกทรัพย์ที่ถูกฟ้องจากไฟแนนซ์รถยนต์ทำให้นายเอกต้องโอนเงินอีก 4 แสน 4 หมื่นบาทด้วยสงสาร ซึ่งเงินทั้งหมดที่โอนให้น้องแจงนั้น 

    นายเอกเปิดใจว่า เป็นเงินที่ได้จากการเออร์รี่ จากบริษัทที่ตนทำงานและส่วนหนึ่งก็เป็นการจำนำรถยนต์และจากบัตรเครดิต ปัจจุบันตนเหลือเงินติดตัวหลังเออร์รี่เพียงหมื่นกว่าบาท ซ้ำร้ายยังต้องเป็นหนี้อีกมากมายด้วยความหลงรักและอยากช่วยเหลือคนรัก

 

Sponsored Ad

 

    ยิ่งไปกว่านั้นพักหลังมานานเอกเริ่มติดต่อน้องแจงยากขึ้นโดนบล็อกเฟซบุ๊ค บล็อกเบอร์โทรเหลือเพียงไลน์แต่ก็ไม่ค่อยตอบเหมือนก่อนโดยน้องแจงอ้างว่าทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย มือถือพัง ต้องยืมมือถือของเพื่อนเพื่อติดต่อกับนายเอก แต่นายเอกสืบทราบมาว่าน้องแจงมีผู้ชายคนใหม่แล้ว

 

Sponsored Ad

 

    นายเอกจึงเริ่มหมดความเชื่อใจสงสัยและปรึกษากับครอบครัวได้รับคำแนะนำไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เสาไห้ จังหวัดสระบุรี และเดินทางเข้าพบทนายรณณรงค์

    ด้านทนายรณณรงค์ เเก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่าต้องตรวจสอบหลักฐานก่อน แต่เบื้องต้นมีการแจ้งความในพื้นที่ไว้เเล้วต้องตามต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร  ยอมรับว่าไม่เคยเจอการโอนเงินให้อีกฝ่ายเป็นจำนวนเงินมากขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่ได้เจอหน้ากันมีเพียงการคุยผ่านเฟซบุ๊คผ่านไลน์ ไม่เคยแม้แต่วีดีโอคอลหากัน

 

Sponsored Ad

 

    ฝากเตือนไปยังประชาชนที่คิดจะหาคู่ผ่านสื่อออนไลน์ให้พิจารณามากๆและควรที่จะเจอตัวจริงกันก่อนหรืออาจจะลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสักระยะก่อนจะเชื่อใจและโอนเงินให้ ขอให้เคสนี้เป็นเคสตัวอย่างให้กับหลายๆคน อย่าโอนไวนะคะ

ชมคลิป

Sponsored Ad

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

    ต่อมา จากการสอบถาม พ่อและแม่ของ น.ส.แจง ทราบว่า รูปภาพที่ปรากฏในข่าวเป็นรูปลูกสาวของตนเองเองจ ที่ผ่านมาลูกสาวทำงานอยู่ที่กทม. นานๆ จะกลับมาหาที่บ้านใน จ.ลำปาง ได้เจอลูกสาวครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน มิ.ย.2563 ที่ผ่านมา ลูกสาวบอกว่าจะไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียในต้นเดือนก.ค.2563

    สำหรับ ตนเองอายุมากแล้ว มีอาชีพทำไร่ทำสวนพอได้กินได้ใช้ไปวันๆ และยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้จากไปตามที่ลูกสาวกล่าวอ้างในข่าว หรือตามที่ลูกสาวบอกมา 

    และเพิ่งมาทราบว่า ลูกสาวไปเอาเงินผู้ชายถึง 4 ล้านบาท ยอมรับว่าตกใจมากไม่คิดว่าลูกจะทำแบบนี้ ถ้า 30,000 – 40,000 บาทก็ยังพอไหวนี่ตั้ง 4 ล้านบาทถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก

    "ขณะนี้ติดต่อลูกสาวไม่ได้ อยากให้ลูกสาวออกมาชี้แจงว่า ทำเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ หากทำจริงก็ต้องแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป หากไม่ได้ทำก็ต้องออกมาชี้แจง ตอนนี้พ่อกับแม่ก็อายุมากแล้ว อีกทั้งยังหาเช้ากินค่ำไม่รู้จะช่วยลูกได้อย่างไร ที่ผ่านมาลูกสาวก็ไม่ได้ให้เงินพ่อแม่ใช้มานานแล้ว จากเมื่อก่อนที่เคยให้เดือนละ 1,000 – 1,500  บาท ไม่เคยเรียกร้องอะไรรู้ว่าลูกสาวก็มีภาระเช่นกัน" พ่อน.ส.แจงกล่าว

    ด้านเพื่อนบ้าน ได้ออกมาบอกว่า....เมื่อประมาณ 5 ปี ก่อนนั้น น้องแจงเคยมีครอบครัวและทำงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม จ.ลำพูน มักจะไป-กลับบ้านบ่อย และมีอยู่ช่วงหนึ่ง มีชายสูงอายุมาสอบถามตนเองว่า บ้านน้องแจงอยู่ตรงไหน ตนเองจึงบอกไปว่าอยู่ในซอยหลังบ้าน ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่ทราบว่าชายคนดังกล่าวมาหาเพราะอะไร

    จนกระทั่งชายสูงอายุคนดังกล่าวกลับมาหาตนเองอีกครั้ง และมาถามว่าบ้านหลังดังกล่าวมีใครอยู่บ้าง จึงบอกไปว่ามีพ่อกับแม่ของน้องแจงอยู่ 

    ชายคนดังกล่าวถึงกับอึ้ง และยังเผลอพูดออกมาว่า อ้าวไหนว่าพ่อแม่จากไปแล้ว ตนเองก็ยังบอกกลับไปว่า พ่อแม่น้องแจงยังอยู่.. ยังมีชีวิตอยู่

    ต่อมาจึงทราบว่า น้องแจงไปหลอกชายสูงอายุรายดังกล่าวว่าพ่อแม่จากไป เพื่อหลอกเอาเงิน และมาสองสามวันนี้เห็นข่าวว่าน้องแจงใช้มุกพ่อแม่มาหากินอีกแล้ว 

    จึงคุยกับเพื่อนว่า รอบนี้พ่อและแม่แจงจากไปรอบสองอีกแล้ว ตอนนี้รู้สึกสงสารพ่อกับแม่ของน้องแจง เพราะที่ผ่านมาคนที่ดูแลพ่อแม่ของน้องแจงมาตลอด คือพี่สาวของน้องแจง

ที่มา : หมายจับกับบรรจง, Posttoday, Amarintv

บทความที่คุณอาจสนใจ