"ต้มจืดก้อนหิน" อาหารที่นายทหารทำให้คนทั้งหมู่บ้านอยากกิน และจดจำไม่มีวันลืม

คอมเมนต์:

คุณเคยกินไหม?

    วันนี้แอดมีเรื่องราวดีดีมาฝาก อยากให้ทุกคนอ่านให้จบแล้วจะรู้ว่าที่อ่านไปนั้นไม่เสียเวลาเปล่าเลย นานมาแล้ว ณ เมืองท่าค้าขายที่เคยรุ่งเรือง แต่เมื่อเกิดภาวะสงคราม เมืองที่เคยร่ำรวยมาก่อนนี้กลับเข้าสู่ภาวะอดอยาก ข้าวยากหมากแพงอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้  ประชาชนส่วนใหญ่ล้วนหิวโหย ต่างแสวงหาอาหารทุกอย่างที่เป็นไปได้ การแย่งชิงอาหาร แม้แต่เศษอาหารก็เกิดขึ้น ใครพบใครเจออะไรที่พอจะกินได้ก็จะปิดบังซ่อนเร้นไว้เพื่อตนเองหรือครอบครัว

    เด็กๆ ที่ไม่มีเรี่ยวแรงต่างมาชุมนุมกันที่น้ำพุกลางเมือง อย่างไรก็ยังพอมีน้ำให้ดื่มกินประทังหิวได้ และถ้าโชคดีมีพ่อค้าผ่านทางมาก็ยังพอเร่เข้าไปขออาหารกินได้ ส่วนผู้ใหญ่จะพากันไปยังทะเลเพื่อจับปลา หรือไปยังป่าเพื่อหาอาหาร แต่ความไม่ปลอดภัยก็มีอยู่ พวกทหารที่กำลังทำสงครามกันใกล้ๆ นั้นก็มักจะชอบทำระเบิดมาตกลงใกล้ๆ ทำให้เกิดความหวาดผวากลัวตายกันไปถ้วนทิ่ว

 

Sponsored Ad

 

 

    ในวันหนึ่ง มีทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาในเมือง ลักษณะท่าทางอ่อนเปลี้ย แทบไม่มีแรงจะพยุงตัวเองได้ เขาเองก็หิวโหยเช่นกัน เขาเดินเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งเพื่อขออาหาร แต่แล้วเจ้าของบ้านก็ออกมา และชี้ว่าพวกเขาก็ไม่มีอาหารพอที่จะแบ่งปันได้เช่นกัน เขาจึงไม่ได้รับการแบ่งปันอาหารใดๆ แม้แต่เศษขนมปัง แต่เขาไม่ละความพยายาม ดังนั้น เขาจึงเคาะประตูไปเรื่อยๆ ทีละหลัง จนหมดถนนทั้งสาย 

 

Sponsored Ad

 

    นายทหารรู้สึกอัปยศยิ่งนัก เขาทนขออาหารเช่นนี้ไม่ได้  ตอนแรกนายทหารจึงตั้งใจจะไปยังเมืองถัดไป ซึ่งมันมีกองทหารใหญ่ตั้งอยู่ เขาน่าจะได้รับการดูแลและมีอาหารให้กินอย่างแน่นอน แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ ถ้าเกิดไปแล้วสถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดละ เขาจะไปไหนต่อ การไปตายดาบหน้าเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ตัวเขาเองก็แทบไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว นายทหารมองไปรอบๆ ก็มองเห็นสายตาแห่งความสงสัย กังวลเกิดขึ้นอยู่ในดวงตาของชาวเมือง ทันใดนั้นเขานั่งลงที่จัตุรัสกลางเมืองและเริ่มต้นจุดไฟขึ้นจากเศษไม้เล็กๆ ที่วางอยู่ใกล้ๆ กันนั้น

 

Sponsored Ad

 

            ชาวเมืองต่างพากันสงสัย ซุบซิบกันแต่ก็ไม่รู้จะหาคำตอบจากไหน พวกเด็กๆ เริ่มมามุงดูว่าเขาทำอะไร อย่างไร เด็กหญิงคนหนึ่งทนสงสัยไม่ได้ เอ่ยถามนายทหารว่า “พี่ทหารทำอะไรนะ”

    นายทหารหันไปมอง เขายิ้มให้เด็กหญิงคนนั้น แต่ก็ไม่ตอบ แต่เขากลับเอื้อมมือไปหยิบหม้อโลหะจากเป้หลังมาเคาะดู จากนั้นวางหม้อสนามลงบนก้อนเส้าของไฟที่ลุกแล้ว จากนั้นเขาก็ลุกไปที่บ่อน้ำ แล้วเอากระติกน้ำไปตักน้ำมาเติมลงไปในหม้อ แล้วจึงเดินมาที่เด็กหญิงคนนั้น พลางเอามือลูบหัว แล้วจึงค่อยตอบเด็กหญิงคนนั้นว่า

 

Sponsored Ad

 

    “พี่จะทำต้มจืดก้อนหิน เคยได้ยินไหม มันเป็นอาหารมีชื่อของพวกเราเหล่าทหารเชียวนะ พวกเจ้าคงหิวกันมากซิ ดูซิตัวผมเชียว ถ้าทำเสร็จข้าจะนำมาแบ่งปันแก่พวกเจ้าทุกคนไง”

 

     พวกเด็กๆ พอได้ยินว่าจะได้กินอาหารก็พากันโห่ร้องดีใจ บ้างกระโดดโลดเต้นไปมา ชาวเมืองต่างก็สงสัย แล้วเข้ามามุงดูด้วย ต่างพากันถามว่า “ต้มจืดก้อนหินหรือ หน้าตามันเป็นอย่างไรนะ ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลย”

     นายทหารไม่สนใจ เขายิ้มน้อยๆ จากนั้นล้วงเอาก้อนหินลำธาร สีขาวอมน้ำตาลสวยงามลูกหนึ่งออกจากย่าม เขาเอามันส่องดูกับแสงอาทิตย์ จากนั้นค่อยๆ เดาะมันกับมือ แล้วจึงค่อยๆ หย่อนก้อนหินก้อนนั้นลงไปในหม้อต้มนั้น นายทหารหันไปมองชาวบ้าน แล้วจึงค่อยเอ่ยตอบไปว่า

 

Sponsored Ad

 

 

 

    “พวกเจ้าก็รอดูซิ”

     จากนั้นเขาค่อยๆ เคี่ยวก้อนหินไปเรื่อยๆ เมื่อน้ำเดือด เขาก็ใช้ช้อนตักน้ำต้มจืดขึ้นมาชิม พลางทำท่าแสนอร่อย และเอ่ยบอกต่อชาวเมืองว่า

     “แหม ช่างอร่อยเสียจริง”   

 

Sponsored Ad

 

     ชาวเมืองต่างยิ่งสงสัย พวกเขาพยายามสูดดมกลิ่นของต้มจืดนั้น แต่ก็ได้เพียงกลิ่นต้มอะไรบางอย่าง

     นายทหารเอ่ยต่อว่า “ทำไม เราจึงชอบต้มจืดก้อนหินนี้นะหรือ นี่ยิ่งถ้าเป็นต้มจืดก้อนหินกับผักกระหล่ำด้วยแล้วละก็ยิ่งดี มันเป็นอาหารอย่างหนึ่งบนโต๊ะเสวยของพระราชาเชียวนะ” 

     ชาวเมืองต่างยิ่งสงสัย ชายคนหนึ่งพลันเอ่ยถามว่า  “อาหารพระราชาเชียวหรือ แค่กับกระหล่ำเนี่ยนะ” 

 

    “ลองดูดีไหม ข้ามีกระหล่ำอยู่ที่บ้าน ข้าจะไปเอามา” ชายอีกคนเอ่ย แล้วเขาก็วิ่งกลับไปที่บ้าน นำกระหล่ำกลับมาหัวหนึ่ง พลางส่งให้นายทหาร พลางบอกว่า “ใส่ลงไปซิ”

Sponsored Ad

     ชายคนนั้นแสดงท่าทางหิวอย่างยิ่ง นายทหารทำตาม คนอื่นๆ ต่างมองดูอย่างสนใจต่อไป นายทหารค่อยๆ คนหม้อต้ม จากนั้นจึงเอ่ยว่า

     “นี่ถ้ามีมันฝรั่งกับแครอทด้วยนะก็จะยิ่งอร่อยกว่านี้”

     หญิงคนหนึ่งจึงรีบกลับไปที่บ้านแล้วนำผักทั้งสองอย่างกลับมา มีเพียงมันฝรั่งหนึ่งหัวกับแครอทครึ่งหัวเท่านั้น นายทหารรับไว้แล้วค่อยๆ ปลอกใส่ลงในหม้อต้ม จากนั้นนายทหารค่อยๆ คนอีก จากนั้นก็ชิมน้ำต้มจืด แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า

     “ถ้ามีเศษเนื้อสักนิดก็จะอร่อยทีเดียวละ หรือถ้ามีกระดูกด้วยนะยิ่งดีไปกันใหญ่”  

     คนขายเนื้อซึ่งตอนนี้ไม่มีเนื้อดีๆ จะให้ขายนิ่งคิด จากนั้นเขาก็กลับไปที่ร้านของเขา เอาเศษกระดูกและเศษเนื้อมาให้  ชาวเมืองคนอื่นๆ ต่างเริ่มคิดและรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะร่วมด้วยได้ ต่างพากันกลับไปที่บ้านของคนเอง เอาสิ่งต่าง ๆที่มีมาให้นายทหาร เพื่อที่จะได้ทำอาหารพระราชาให้พวกเขากิน  

     ในไม่ช้าหม้อต้มก็เต็มไปด้วยส่วนประกอบต่างๆ ที่ส่งกลิ่นหอมหวนชวนกินอย่างยิ่ง นายทหารลองชิมจากนั้นบอกกับชาวเมืองว่า “พวกท่านไปเอาชามมาใส่ซิ” 

 

   ชาวเมืองต่างรีบกลับบ้านแล้วไปเอาชามมา นายทหารค่อยๆ ตักแจกทุกคน เมื่อทุกคนกินลงไปต่างรู้สึกอร่อยอย่างยิ่ง พวกเขาไม่เคยกินต้มจืดที่อร่อยอย่างนี้มาก่อน พวกเด็กๆ เพียงเคี้ยวคำหนึ่งก็ยิ้มแก้มตุ่ยอย่างยินดี พวกเขาต่างค่อยๆ กินอย่างมีความสุข สุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในช่วงเวลาทุกข์ยากเช่นนี้

    ชาวเมืองต่างพากันถามนายทหารว่า “พวกเราขอซื้อก้อนหินนี้ได้หรือไม่ พวกเราจะได้เอาไว้ทำต้มจืดก้อนหินกินเองได้บ้างนะท่านนายทหาร”

    นายทหารยิ้มรับ จากนั้นบอกว่า “ไม่ต้องซื้อหรอก ข้าให้พวกท่านก็ได้ และหวังว่าพวกท่านจะทำต้มจืดก้อนหินกินร่วมกันอีกนะ”

    ชาวเมืองรับก้อนหินไว้อย่างดีใจ และเมื่อนายทหารเดินทางจากไป พวกเขายังคงทำต้มจืดก้อนหินกินกันอีกลายครั้ง มีความสุขร่วมกัน และไม่หิวโหยอีกต่อไป ส่วนนายทหารนั้นเขาตรงไปยังเมืองถัดไปแล้วได้เข้าร่วมทำสงครามต่อไปอีก

 

    ฝึกคุณธรรม

            ๑) ฝึกรู้รอบ : เรื่องนี้เหมาะสมสำหรับสอนเรื่องการรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

            ๒) ฝึกแข็งขัน : แสดงถึงการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเหมาะสมได้อย่างไร  แล้วเรามีความมุ่งมั่นที่จะทำแค่ไหน

            ๓) ฝึกพอเพียง : การรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างไร จึงเรียกว่าทำได้อย่าง พอเพียง

                                    - อย่างไรเรียกว่าขาด

                                    - อย่างไรเรียกว่าเกิน

            ๔) ฝึกความยุติธรรม : การรวมเป็นหนึ่งเดียวกันที่ดำเนินไปอย่างมีความยุติธรรมเป็นอย่างไร ให้ช่วยกันยกตัวอย่าง

กิจกรรมสันทนาการ

            ๑.ให้อาสาสมัครลองเล่าถึงเหตุการณ์ที่ร่วมมือร่วมใจกัน พลิกผันสถานการณ์ต่างๆ จากโชคร้ายเป็นโชคดีได้ เพื่อให้หลายคนได้ร่วมรับรู้และสร้างกำลังใจแก่กัน

จุดประสงค์ :   เพื่อรู้ รัก และฝึกจนเคยชิน

นิทานคติ   เรื่อง : ต้มจืดก้อนหิน


ที่มา : gotoknow, เอนก สุวรรณบัณฑิต

บทความที่คุณอาจสนใจ