ย้อนสัมภาษณ์ "โอ๊ต วรวุฒิ" เคยคิดขายโรงแรมมูลล่าเกือบ 100 ล้าน เพื่ออยู่กับครอบครัว เพราะติดลูกเมียมาก

คอมเมนต์:

"ถ้ามีคนมาเทคโอเวอร์ผมปล่อยเลย ขอเวลากลับมาอยู่กลับลูก" #โอ๊ตวรวุฒิ กล่าว

        เรียกได้ว่าเป็นคู่ที่ถูกชาวเน็ตจับตามองอย่างต่อเนื่องเลยก็ว่าได้สำหรับนักแสดงหนุ่มใหญ่ "โอ๊ต วรวุฒิ" และภรรยาสาวนอกวงการสุดแซ่บ "จีน่า อันนา" หลังจากมีข่าวลือจากคนใกล้ชิดออกมาบอกว่าทั้งคู่ได้จบความสัมพันธ์กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังแต่งงานใช้ชีวิตคู่กันมา 5 ปี มีลูก 2 คน คือ "น้องโอลาฟ" และ "น้องโอเลิฟ"

        แต่ล่าสุดหนุ่มโอ๊ตก็ยังลงภาพงานวันเกิดของสาวจีน่าด้วย อย่างไรก็ตามประเด็นข่าวที่มาจากวงในเรื่องเลิกราของทั้งคู่นั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ต้องรอฟังจากปากของเจ้าตัวกันต่อไป

 

Sponsored Ad

 


        และวันนี้เราจะพาทุกคนย้อนฟังบทสัมภาษณ์เมื่อครั้งที่หนุ่มโอ๊ตเคยไปเปิดใจผ่านรายการ คุยแซ่บShow


ช่วงนี้พี่โอ๊ตพักงานในวงการ?

        โอ๊ต : "จริงจบงานครั้งสุดท้ายก็ประมาณปีนึง ตอนหลังไม่ค่อยได้รับงานเบื้องหน้า เพราะไปทำงานเบื้องหลัง แล้วกลับมารับงานละครเรื่องนึง แล้วไปทำธุรกิจอยู่ต่างจังหวัด"

ตอนนี้เป็นคุณพ่อเต็มตัวเหนื่อยมั้ย?

 

Sponsored Ad

 

        โอ๊ต : "เหนื่อยแต่มีความสุขมาก คนไม่มีลูกไม่มีทางรู้เลยว่าเวลามีลูกมันจะมีความสุขแค่ไหน โอ้โห...มันมหัศจรรย์มาก"

ตอนนี้ครอบอยู่กรุงเทพฯ แต่พี่โอ๊ตมีธุรกิจอยู่ที่บุรีรัมย์?

 

Sponsored Ad

 

        โอ๊ต : "มีที่บุรีรัมย์กับพัทยา ที่บุรีรัมย์เป็นธุรกิจโรงแรมแต่เป็นโรงแรมขนาดเล็ก ประมาณ 40 ห้องจริง ๆ บุรีรัมย์จะเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ เราก็เลยไปสร้างโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ตอนนี้โรงแรมใกล้เสร็จแล้วครับ"

แล้วทั้งคู่อายุห่างกันกี่ปีไปเจอกันที่ไหน?

 

Sponsored Ad

 

        โอ๊ต : "อายุห่างกัน 21 ปี ผมไปเจอเขาที่ร้านเพื่อน แล้วเขาเหมือนเป็นรุ่นน้องของเพื่อน ก็ได้คุยกัน"

        จีน่า : "วันนั้นก็มีแลกเบอร์กัน ตอนนั้นยังไม่มีอะไร นาน ๆ ทีถึงจะทักทีนึง ถามว่าเขาบุกยังไง หนูบุกเอง คือเพื่อนเขาแนะนำให้รู้จัก เขาก็เลยบอกขอไลน์ไว้หน่อย ตอนนั้นก็ชอบคนมีอายุ เซอร์ ๆ หนวด ๆ แบด ๆ ดี"

 

Sponsored Ad

 

ขอย้อนเวลาก่อนที่จะเจอจีน่า เจ้าชู้หนักขนาดไหน?

        โอ๊ต : "อย่างที่บอกมันน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายที่มีปัญหาในเรื่องของครอบครัว ตอนที่เรามีแฟนเราไม่ได้เป็นแบบนั้น ตอนเรามีแฟนเก่าแล้วก็เลิกรากันไป"

 

Sponsored Ad

 

มันเป็นปมหรือเปล่า?

        โอ๊ต : "ก็ใช่แหละ เรารู้สึกว่าเราไม่อยากจริงจังกับใครแล้ว เราไม่อยากมีครอบครัวอีกแล้ว กลัว คิดว่าจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต ทีนี้ก็อยู่คนเดียวไม่ได้ก็ต้องออกข้างนอกตลอดเวลา ก็ใช้ชีวิตแบบเสเพล อาจจะเห็นแก่ตัวบ้าง เลวบ้างในสายตาของคนอื่นก็ยอมรับ"

คำว่าเสเพลขอเป็นยอดสถิติดีกว่า คือคบซ้อนทีละกี่คน?

Sponsored Ad

        โอ๊ต : "ก็เยอะ แต่ไม่ถึงขั้นสาว ๆ แย่งเรา เขาไปเคลียร์กันข้างหลังเอง ก็ใช้ชีวิตเสเพลมาประมาณ 6-7 ปี พอมันเริ่มเหนื่อยกับตรงนั้นก็เลยอยากหาอะไรโฟกัส เราเริ่มรู้สึกว่าเราอยากมีแค่คนคนเดียวแล้วโฟกัสไปกับเขา คือเวลาไปไหนมาไหนมันคิดถึงคนคนเดียวมันมีความสุขมากกว่า แต่อดีตมันก็คืออดีต ปัจจุบันมันเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว"

แล้วมันมีเกณฑ์อะไรมาเลือกว่าจะอยู่กับใคร?

        โอ๊ต : "ผมใช้ความรู้สึกเป็นหลัก ไม่เกี่ยวกับระยะเวลา ช่วงนั้นจีน่าเขาเข้ามา แล้วมีความรู้สึกว่าเวลาอยู่กับเด็กคนนี้แล้วมีความสุขมาก รู้สึกเอ็นดูเขา แต่ต้องบอกเลยว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีแฟนเด็กขนาดนี้ แล้วก็ไม่ชอบด้วย เพราะมีความรู้สึกว่าเด็กคุยยาก"

หล่อขนาดนี้ สาว ๆ วิ่งเข้าหาเยอะ จีน่าห่วงมั้ย?

        จีน่า : "ตอนนั้นนั้นก็ห่วงนิดหน่อย แต่เขาทำให้เรามั่นใจ จริงใจ คือเขาเป็นยังไงเขาก็แสดงออกชัดเจนเลย"

        โอ๊ต : "ผมเป็นมนุษย์ที่ไม่โกหก รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ต้องรับก็บอกเขาหมด"

ถามจีน่าอะไรที่ชนะใจเรา?

        จีน่า : "ก็ความจริงใจ จริงจังของเขาที่เข้าไปคุยกับแม่เราจริงจังที่จะคบเราเป็นแฟน"

        โอ๊ต : "คบประมาณ 1 เดือน แล้วเข้าไปขอพ่อแม่เขาว่า ขอคบลูกสาวเขาเป็นแฟนแล้วก็ขอมีลูกเลย ตอนนั้นแม่หน้านิ่งมาก ไม่ยิ้ม ไม่อะไรเลย คือวันนั้นผมเดินเข้าไปสวัสดี แล้วเดินเข้าไปขอลูกสาวเขาเป็นแฟน แล้วก็ว่าจะขอมีลูกด้วยเลย แม่ก็ถามว่าทำไมรวดเร็วขนาดนั้น ผมก็เลยบอกว่ากลัวผมตายก่อน แม่ก็บอกว่าคบกันไปก่อน ดูกันไปก่อน แล้วตอนหลังคุณแม่เขามาสารภาพว่าเป็นแฟนคลับเราติดตามผลงานเราอยู่" 

ตอนนี้ถือเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แฮปปี้มาก?

        โอ๊ต : "ผมว่าจุดหนึ่งคือการมีลูก ลูกนี่เปลี่ยนทุกอย่าง เปลี่ยนทัศนคติส่วนตัว มีมุมมอง คือโฟกัสมันเปลี่ยนที่ มันไปอยู่ที่ลูก มันเกิดการไม่ได้คาดหวัง ไปอยู่ที่ลูกทั้งหมด" 

เคยคิดอยากจะออกจากวงการเพื่อจะได้อยู่กับลูกมากขึ้นมั้ย?

        โอ๊ต : "ไม่เคยคิดเลิกเลย มันเหมือนอยู่ในสายเลือดของเราไปแล้ว คือยังคิดถึงวงการ คิดถึงการทำงานตลอดเวลา แต่เราอยากหาอะไรที่มันมั่นคงเป็นหลักประกันให้กับลูก แล้วอีกอย่างเราชอบทำธุรกิจอยู่แล้ว มันก็กลายเป็นสิ่งที่เราทำประจำ ที่บุรีรัมย์โรงแรมมี 40 ห้อง 2 อาคาร 

        แต่พอทำไปแล้วมันอยู่ไกลบ้าน เราคิดถึงลูก คือโปรเจคนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีลูกคนที่ 2 แล้วลูกคนแรกผมเลี้ยงเองตลอด 

        แล้วพอมาคนที่ 2 เรารู้สึกว่าความใกล้ชิดระหว่างผมกับโอเลิฟมันห่างกัน เราสงสารลูก และไม่อยากให้ลูกไม่สนิทกับเรา แล้วมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นโรค Homesick คิดถึงบ้าน อยากจะกลับบ้านตลอดเวลา"

        โอ๊ต : "เขาก็จะรู้ว่าเวลาผมโทรมาทั้งวันนั่นคือผมผิดปกติ แล้วเพิ่งมาเป็นหนัก ๆ คือ 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ก่อนไม่เป็น แต่ก่อนสนุกมาก หลัง ๆ เวลาไปอยู่บุรีรัมย์ปุ๊บใจมันอยู่กรุงเทพฯ ตลอดเวลา ใจมันอยู่ที่ลูก อยากกลับกรุงเทพฯ อย่างเดียวเลย ตอนนี้รู้สึกว่าหนักกว่าเดิมอีก" 

ถึงขึ้นจะขายโรงแรม?

        โอ๊ต : "มันมี 2 ประเด็น คืออยากให้มีคนมาเทคโอเวอร์ต่อแต่ว่ามันคือความฝันของเรา เรามีความรู้สึกว่าถ้ามีคนมาเทคโอเวอร์เรายินดีทำให้สำเร็จตามภาพที่เราฝันเอาไว้โดยไม่คิดมูลค่าเพิ่ม ส่วนที่ 2 ก็คือถ้าหากว่าพระเจ้าอยากให้เราทำ ไม่ต้องการให้เราขาย เราก็จะทำต่อ แต่ถ้ามีคนมาเทคโอเวอร์ผมปล่อยเลย ขอเวลากลับมาอยู่กลับลูก ถามว่าลงทุนไปเท่าไหร่ก็เกินครึ่งร้อยล้าน"

เห็นว่าเลิกบุหรี่เด็ดขาด?

        โอ๊ต : "ครับ คือแต่ก่อนผมไม่ได้เป็นคนสูบบุหรี่จัด ก็มีบ้าง แต่เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาผมรู้สึกแย่มาก เวลาอยู่กับลูกแล้วเราเหม็น เราต้องไปแอบดูดแล้วแบบว่าไปคอยบ้วนปากตลอดเวลาถึงจะมาอุ้มลูกได้ เราก็รู้สึกผิดมาก ก็เลยตั้งใจว่าตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมาเราเลิก หักดิบเลย"

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<< 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก รายการคุยแซ่บ Show, Instagram oat_voravudh, sanook

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ