ชายชราวัย 75 ปีลั่น "ข้ายังมีชีวิตอยู่นะ" หลังพบเหตุผลทำไมไม่มีคนติดต่อนาน 3-4 เดือน

คอมเมนต์:

นี่ถ้าแกไปตอบกลับเฟซบุ๊กเพื่อนๆคงตกใจแน่ๆเลย

    จะเป็นอย่างไรถ้าหากจู่ๆ เราเดินไปเจอป้ายหลุมฝังที่มีชื่อเราติดอยู่?! ทั้งๆ ที่ตรูก็ยังมีชีวิตอยู่นะเว้ยเฮ้ยยย!! เรื่องราวเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้นจริงกับชายชาวสกอตแลนด์วัย 75 ปี Alan Hattel หลังจากที่เขาพบว่ามีป้ายหลุมศพในสุสานที่สลักชื่อของเขาเอาไว้บนนั้น

 

    Alan กับป้ายหลุมศพที่มีชื่อของเขาติดอยู่

 

Sponsored Ad

 

    สื่อต่างประเทศได้เปิดเผย ชายชราเล่าว่า… "มือถือของผมเงียบกริบ ในโซเชียลก็เงียบเชียบ ไม่มีใครติดต่อหาผมเลยเป็นเวลากว่า 3-4 เดือน ทำเอาผมรู้สึกสับสน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าเพราะอะไร” หลังจากที่ได้เห็นป้ายหลุมศพนี้ของตนเองก็รู้เลยว่าที่ไม่มีใครติดต่อหาเขา เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าเขาตายไปแล้วนั่นเอง

 

Sponsored Ad

 

    Alan ยังบอกด้วยนะว่า… “เอาจริงๆ ถ้าตาย ไปผมก็ไม่อยากถูกฝังนะ อยากให้เผาร่าง ของผมไปเลยมากกว่า… แต่คือตอนนี้ผมก็ยังมีชีวิตอยู่ไง” แล้วเหตุอันใดเล่าป้ายหลุมศพ ถึงมีชื่อของเขาติดอยู่ได้? Alan เชื่อว่าสิ่งนี้น่าจะต้องเป็นฝีมือของ "อดีตภรรยา" ของเขาอย่างแน่นอนเลย

 

     เขาบอกว่า… “อดีตภรรยา ของผมต้องการจะฝังร่างของเราทั้งคู่ให้อยู่เคียงข้างกัน แต่ผมไม่เคยบอกว่าต้องการอย่างนั้นเลย

 

Sponsored Ad

 

เราแยกทางกันมานานกว่า 26 ปีแล้ว ซึ่งเราก็ไม่ได้เกลียดชังอะไรกันหรอก แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจละ”

     สังเกตบนป้ายหลุมศพจะเห็นว่ามีชื่ออดีตภรรยาของเขา (Berta) ติดอยู่ด้วย

     อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งอดีตภรรยานั้นก็ไม่มีการโต้ตอบใดๆ กับสิ่งที่ Alan กล่าวหา เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงบ้านของเธอก็ไม่สามารถเข้าไปสัมภาษณ์เธอตรงๆ ได้สมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งของทางฝั่งอดีตภรรยาก็ออกมาบอกแต่เพียงว่า “นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว เราขอจัดการให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเราจะดีกว่า”

 

Sponsored Ad

 

     รายงานในวันที่ 22 มกราคม 2020 กล่าวว่า ปัจจุบัน Alan ยังคงพยายามที่จะขอกับทางผู้ดูแลสุ ส า น เพื่อให้หาบางอย่างมาปิดชื่อของเขาเอาไว้ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด

    อีกทั้งก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนนำป้ายหลุมศพ ที่มีทั้งชื่อของเขาและอดีตภรรยามาตั้งเอาไว้กันแน่ เพราะทางหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ไม่สามารถเปิดเผยชื่อของคนที่มาซื้อที่ดินตรงจุดนี้ได้

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก catdumb

บทความที่คุณอาจสนใจ