เปิดใจ "โรสแมรี่" ผันตัวเป็น แม่เลี้ยงเดี่ยว สู้ทำงานด้วยตัวคนเดียว แต่กลับโดนมองว่าตกอับ

คอมเมนต์:

หัวอกคนเป็นแม่อดได้อายได้ แต่ขอแค่ให้ลูกอิ่ม สู้ๆ ค่ะ

    กลายเป็นประเด็นที่แฟนเพลงยุค 90' พูดถึงกันมากมาย สำหรับเรื่องราวของอดีตนักร้องชื่อดัง โรสแมรี่ คาฮันดิง เจ้าของเพลง "ให้ฉันทำอย่างไร" ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักของวัยรุ่นในยุคนั้น ก่อนเธอจะห่างหายจากวงการเพลงและวงการบันเทิงไปเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูกชาย "น้องพีเจ" เพียงลำพังอยู่นานหลายปี

    กระทั่งสถานการณ์ในช่วงนี้ เธอได้ตัดสินใจโพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Rosemarie Cahanding เพื่อขอความช่วยเหลือรับบริจาคอาหารให้ลูกชายวัย 8 ขวบ ทำให้แฟนๆ และคนในวงการบันเทิงเป็นห่วงทะยอยส่งความช่วยเหลือให้เธอและลูกชายกันอย่างล้นหลาม (อ่านข่าวก่อนหน้านี้ : อดีตนักร้องดัง "โรสแมรี่" ยอมอายดีกว่าอด ขอรับบริจาคของกิน หลังไม่มีเงินซื้ออาหารให้ลูก)

 

Sponsored Ad

 

    ล่าสุด "โรสแมรี่" ได้เปิดใจกับ ทีมงานของ Sanook ถึงชีวิตของเธอและลูกชายที่ตอนนี้ที่ทุกอย่างสะดุดไม่สามารถทำงานที่เคยทำ จนขาดรายได้ ไม่มีเงินจุนเจือ หมุนเวียนในครอบครัว จนต้องตัดสินใจโพสต์ขอความช่วยเหลือลงในเฟซบุ๊กในครั้งนี้

 

Sponsored Ad

 

หลังจากโพสต์ขอความช่วยเหลือทุกคนค่อนข้างเป็นห่วงและถูกพูดถึงเยอะมาก?

    "ต้องบอกก่อนเลยค่ะว่าความตั้งใจจริงๆ ของโรสไม่ได้อยากให้เป็นข่าวอะไรใหญ่โต ที่โพสต์คิดว่าเผื่อเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กของเราเขาเห็นแล้วใครพอมีกำลังเขาอาจจะช่วยเหลือส่งของมาให้น้องได้ เพราะความจริงคิดว่าอีกไม่นานเราน่าจะสามารถกลับไปทำงานได้แล้ว"

    "พอตัดสินใจโพสต์ลงไปปรากฏว่ามีคนส่งความช่วยเหลือเข้ามาเยอะเกินความคาดหมายของเรามาก ทั้ง พี่ตั๊ก ศิริพร, น้องใหม่ สุคนธวา รวมทั้งเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กที่หลั่งไหลกันมาเยอะมากค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นของกิน พีเจเขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจะเอาของที่ได้รับมาไปแบ่งใส่ตู้ปันสุขด้วย เพราะเขาบอกเราได้มาเยอะมากเลยอยากแบ่งให้เพื่อนๆ บ้าง โรสเองพอเห็นน้ำใจของทุกๆ คนก็บอกตรงๆ ว่ารู้สึกจุกจนไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกันค่ะ เราช็อก เพราะที่ผ่านมาโรสไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนักร้องดังเลย ไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักอยู่"

 

Sponsored Ad

 

    "ขอบคุณกับสิ่งที่คนเห็นความลำบากของเรา อย่างตอน พี่ตั๊ก ศิริพร มอบเงินมาช่วย เราก็ไปเห็นคนอื่นที่เขาก็ลำบาก มีคนหนึ่งที่รถเข็นขายโรตีเขาเสีย เขาก็ขอรับบริจาคเงินเราก็นำเงินที่เราได้มาจากพี่ตั๊กไปบริจาคให้เขาด้วย เราเองเก็บไว้เท่าที่เราพอใช้ เมื่อเราได้รับมาเราก็ควรจะแบ่งปันต่อให้คนอื่นๆ ด้วย"

 

Sponsored Ad

 

ตอนที่เราตัดสินใจโพสต์เรารู้สึกว่ามันสุดจริงๆ จนต้องขอความช่วยเหลือแล้วใช่ไหม?

    "ใช่ค่ะ มันสุดแล้ว ผัดปลากระป๋องกิน เงินเหลือในบัญชีแบบออกไปซื้ออะไรไม่ได้แล้ว ของที่เราเตรียมไว้มันก็หมดแล้วทุกอย่าง แต่เราไม่อยากเข้าไปขอความช่วยเหลือเพื่อนด้วยการส่งข้อความส่วนตัวไปขอ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเพื่อนเราใครเขาเดือดร้อนอยู่บ้าง เราเลยโพสต์ไปเพื่อเป็นความสมัครใจใครอยากช่วยก็ช่วยดีกว่า การออกมาโพสต์แบบนี้หลายคนก็มองว่ามันดูไม่ดีแต่เรารู้สึกว่า ถ้าลูกเรารอดเราดูไม่ดีก็ช่างมัน เพราะเราสงสารลูกจริงๆ"

 

Sponsored Ad

 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Rosemarie Cahanding

ลูกชายอย่าง "น้องพีเจ" เขาก็มีกำลังใจที่ดีใช่ไหม?

    "ดีมากค่ะ เพราะพื้นฐานเจเขาเป็นเด็กอารมณ์ดีและเขาก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ เขาเป็นเด็กที่เข้าใจมากๆ อย่างวันก่อนซื้อขนมมาให้เขา เขาบอกเราว่า ซื้อมาให้ผมทำไม เก็บตังค์ไว้จ่ายค่าบ้านดีกว่า  เขาพูดเองเลยอาจจะเป็นเพราะเขาเห็นความลำบากมาตั้งแต่เล็กๆ เขาเลยจะเห็นคุณค่าของเงินมากๆ เขาเป็นเด็กน่ารัก ใจดีค่ะ"

 

Sponsored Ad

 

แม่โรสและน้องพีเจก่อนหน้านี้เรามีรายได้จากการทำงานอะไรบ้าง?

    "โรสทำงานร้องเพลงกลางคืนค่ะ ส่วนพีเจเขาก็มีแคสติ้งงานแสดงอะไรทั่วๆ ไปที่เขาจะพอทำได้ มีขายเสื้อผ้ามือสองของพีเจบ้างแล้วก็ขายของกุ๊กๆ กิ๊กๆ ไป มีอะไรให้ขายก็ขาย แต่หลักๆ ก็เป็นงานร้องเพลงกลางคืน กับร้องในงานอีเว้นต์ งานแต่งงานอะไรแบบนั้นค่ะ แต่พอมีเหตุการณ์โควิด-19 ทุกอย่างก็ชะงัก สะดุดไปหมด เราสองคนแม่ลูกก็ไม่สามารถทำงานได้มาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน แต่รายจ่ายเรายังต้องจ่ายออกไปเหมือนเดิม ค่าบ้าน ค่าไฟ แล้วเรามีกันแค่สองคนกับลูก ไม่ได้มีญาติพี่น้องมากมาย เราลำบากที่ว่าเวลาไปไหน ทำอะไรเราต้องพาลูกไปด้วยทุกที่เพราะเราไม่ได้มีใคร แต่ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเราก็น่าจะเริ่มกลับไปทำงานเหมือนเดิมได้ รายได้ก็คงมีเข้ามาบ้างค่ะ"

Sponsored Ad

ฝั่งพ่อของลูกมีส่งความช่วยเหลือมาบ้างไหม?

    "ไม่ได้ช่วยเลยค่ะ ตอนแรกๆ ก็มีช่วยบ้าง แต่หลังๆ เขาบอกว่าเขาไม่มี เราก็ไม่อยากไปจุกจิก หรือ วุ่นวายอะไรกับเขาเพราะเขาก็มีครอบครัวของเขา เราก็ไม่อยากจะดราม่า เราสองคนก็สู้กันเองสองแม่ลูก เราไปหวังอะไรกับเขาคงไม่ได้เพราะเอาจริงๆ ลูกเขา เขาต้องมีความคิดของเขาเองว่าเขาจะอะไรยังไง เราทำหน้าที่แม่ของเราอย่างสุดความสามารถแล้ว หน้าที่ใครหน้าที่มัน ถ้ามันเป็นหน้าที่คุณแล้วคุณไม่รู้ เราก็ไม่รู้จะพูดอะไร มีแต่คนบอกว่าทำไมไม่โทรไปบอกพ่อพีเจ เราก็มองว่าเรื่องแบบนี้เขาน่าจะรู้ตัวเองมากกว่าเพราะเขาเป็นพ่อค่ะ"

น้องถามถึงพ่อบ่อยไหม?

    "ก็ถามค่ะ เพราะพ่อเขาเคยมาหา แต่ก็มีสัญญาแล้วไม่มา พีเจเขาก็เลยถามหาแต่เขายังเล็กยังไม่ค่อยรู้เรื่อง เวลาเขาถามเราก็บอกว่าพ่อเขาอยู่ไกล เขาไปทำงานหาเงินให้หนู เขาไม่ลืมหนูหรอก เขารักหนูจะตายอะไรแบบนั้นค่ะ เราพยายามเติมกำลังใจให้ลูก เรายังไม่ได้บอกเพราะรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลาค่ะ ยังไม่อยากสร้างแผลในใจเขาที่ต้องมารับรู้เรื่องนี้ตอนนี้ เดี๋ยวรอให้เขาโตพอที่จะเข้าใจก็จะบอก และเราไม่เคยสอนให้ลูกเกลียดชังพ่อ เขาเป็นพ่อลูกกันยังไงเขาก็มีสิทธิจะได้เจอกัน เราไม่มีสิทธิไปสอนให้เขาไม่รักกันค่ะ"

ตัวเราเองก็มีปัญาหาสุขภาพอยู่ด้วยใช่ไหม?

    "เป็นโรคซึมเศร้ามา 2 ปีแล้วค่ะ หนักๆ เลยตอนคุณพ่อจากไปแล้วก็มีอการยาวมาเลย ยังต้องรักษาต่อเนื่องอยู่ มีภาวะแบบนี้มานานแล้วต้องทานยาให้ตรงเวลา บางทีเราก็มีอารมณ์เหวี่ยง อารมณ์ดิ่ง บวกกับเป็นแพนิกด้วย ก็คือจะกังวล หัวใจเต้นเร็ว เหมือนตกใจไปก่อน ถ้าช่วงไหนเป็นหนัก เครียด นอนน้อยจะทรมานมาก ตอนนี้ก็เลยพยายามคิดแค่วันต่อวัน ทำให้ดีที่สุดในแต่ละวัน ไม่คิดกังวลไปก่อนล่วงหน้าค่ะ"

    "เรื่องอาการซึมเศร้าเราต้องหาหมอสม่ำเสมอ ห้ามหยุดยา จริงๆ โรคนี้ไม่ใช่โรคทางใจนะคะ เป็นโรคทางกายโดยตรงเลยนะ เพราะเป็นเรื่องของสารเคมีในสมอง หลายคนที่มองเข้ามาอาจจะไม่เข้าใจบอกว่าเราดราม่าแล้วมาบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้า ก็อยากจะบอกว่าคนที่เขาเป็นมันแย่มากนะคะเวลาที่เราดาวน์ บางคนบอกคิดบวกสิ นั่งสมาธิสิ บางทีเราฟังแล้วเรายิ่งแย่ แต่ตอนนี้เราก็เริ่มปรับตัวได้บ้างแล้วค่ะ รู้ว่าต้องจัดการกับตัวเองยังไง แต่กว่าจะรับมือกับสิ่งที่ตัวเองเป็นได้ก็หนักหนาอยู่ค่ะ"

เคยไปถึงจุดที่อยากจากไปเลยไหม?

    "มีจุดที่อยากทำเหมือนกันนะ แต่ว่าพอเราคิดแล้วเรากลัว กลัวว่าถ้าเราเป็นอะไรไปคนรอบข้างเรา ลูกเราจะเป็นยังไง หลังจากเราไม่อยู่แล้วมันจะแย่ขนาดไหน ก็เลยมีความคิดว่าอย่าทำแบบนั้นเลยลูกเรายังมีอนาคต ทุกวันนี้มันอาจจะมีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี เราอย่าเพิ่งรีบจากไปเลย รอก่อนดีกว่าชีวิตมันจะได้สนุก (หัวเราะ)"

    "เราต้องทำให้คนที่เขาด่าเราเขาเห็นว่าเราพยายามแล้วและเราก็ทำได้ บางคนอาจจะมองว่าไม่เห็นเราจะประสบความสำเร็จเลยแถมยังมาขอข้าวคนอื่นกินอีก ก็โอเค ไม่เป็นไรแต่เรารู้ว่าเราทำนะ ตอนนี้เวลาโดนใครด่าก็ทนไปก่อน ใครมันจะอยากขอคนอื่นกิน ถูกไหมคะ การที่เราโพสต์ลงไปมีคนพูดว่าเราไม่มีศักดิ์ศรีเลยมาขอคนอื่นด้วยวิธีง่ายๆ ไม่มีใครรู้ว่าเราก็พยายามหางาน พยายามทุกทางแล้วดิ้นรนแล้วแต่ตอนนี้งานยังทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเราไม่ทำอะไรแล้วขอคนอื่นกินเลยค่ะ"

น้องพีเจ วัย 8 ขวบ

    "มันก็มีวันที่เรานอนร้องไห้นะ โดนด่าว่าคิดน้อย จริงๆ เราคิดเยอะแล้ว การโพสต์ขอรับความช่วยเหลือครั้งนี้เราคิดมากๆ เพราะเรารู้ว่าโพสต์แล้วจะต้องโดนคนมองไม่ดี ต้องมีคนด่า แต่ถ้าลูกเรารอดเราก็ยอม ตัวเราเองเราไม่มีหัวโขนอะไรแล้ว เราไม่ใช่ศิลปินดัง เราทำได้หมดทุกอย่าง ร้องเพลงเปิดหมวกก็ได้ ขนาดขายเครปก็ทำมาแล้ว แต่แค่ตอนนี้ทุกอย่างมันทำไม่ได้ ไม่ใช่เราไม่อยากทำค่ะ ใครจะไปอยากโพสต์แบบนี้ ใครๆ ก็อยากโพสต์รูปสวยๆ กินของดีๆ โทรศัพท์ใหม่ๆ มีเงินเยอะแยะ ไปช็อปปิ้งมาโพสต์ถูกไหมคะ"

เคยคิดไหมคนดังจะมาถึงจุดนี้?

    "ไม่เคยคิด แต่ก็รับได้ ถ้ามองจริงๆ ชีวิตโรสมันพลิกหลายรอบมาก ทั้งเรื่องแฟน เรื่องพ่อจากไป อย่างตอนไปขายเครปคนมองว่าเราตกอับแต่โรสไม่ได้มองว่าโรสตกอับนะ เป็นอีกช่วงชีวิตนึงที่เรารู้สึกสนุกมากด้วยซ้ำ เราได้ใช้ชีวิต หากินเลี้ยงลูก ได้พูดคุยกับลูกค้าแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันโดยที่เราไม่ต้องมาคอยปั้นหน้ายิ้มให้ใคร ไม่ต้องมานั่งโดนใครด่า ได้เห็นชีวิตคนที่มากขึ้น แต่ที่ต้องเลิกทำเพราะเราย้ายบ้านมา แล้วเศรษฐกิจมันดาวน์ด้วยเลยต้องเลิกทำไป"

อยากกลับมาทำงานในวงการไหม?

    "อยากทำๆ บทไหนก็ได้นะคะ บทคนใช้ก็ได้ บทตลกก็ได้ โรสชอบอะไรตลกๆ แล้วก็ฝากพีเจด้วยนะคะ เพราะตอนนี้ทำงานได้แล้ว (หัวเราะ) อยากกลับไปทำรับหมดทุกบทจริงๆ ขอให้ได้ทำงาน เพราะเรามองว่าเงินเราได้มามันก็หมด แต่งานเราแล้วทำได้เรื่อยๆ ค่ะ"

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงคนที่ส่งกำลังใจให้เราบ้าง?

    "อยากขอบคุณทุกคน ทุกกำลังใจที่ช่วยเหลือมากๆ นะคะ ตอนนี้สำหรับโรสได้รับความช่วยเหลือมากพอแล้ว ไม่ต้องส่งมาเพิ่มแล้วก็ได้ค่ะ แล้วเดี๋ยวโรสเองจะนำของที่ได้มาแล้วเรารู้สึกว่าเราเก็บไว้แต่ที่เราพอจะดำรงชีวิตได้แล้วจะนำไปส่งต่อให้คนเดือดร้อน และเด็กๆ คนอื่นด้วย เขาจะได้นำไปดำรงชีวิตต่อไป"

    "และโรสอยากให้กำลังใจทุกๆ คนนะคะ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นค่ะ รักษาสุขภาพตัวเองกันมากๆ อยู่ในกฏที่ทางการเขาขอความร่วมมือเอาไว้นะคะ เพราะถ้ามันกลับมาระบาดอีกมันจะเป็นระลอกใหญ่คราวนี้อาจจะแย่กว่าเดิม ก็ขอเป็นกำลังใจและขอบคุณทุกๆ คนมากค่ะ"

    สุดท้าย ทีมงานก็ ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่โรสและน้องพีเจและขอส่งกำลังใจให้กับทุกๆ คนที่กำลังอยู่ในภาวะลำบากทั้งร่างกายและจิตใจ ขอให้ทุกคนมีกำลังใจและก้าวผ่านมันไปด้วยกัน

ที่มา : Sanook

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ